TIHTA จับม...
“สมาคมการค้าอุตสาหกรรมกัญชงไทย” ก่อตั้งขึ้นจากผู้ที่มีประสบการณ์ในการประกอบกิจการกัญชาและกัญชง ทั้งในรูปแบบของเส้นใยไฟเบอร์ สารสกัดเพื่อการแพทย์และการพาณิชย์ Supplement, Food and Beverage, Skincare and Cosmetic ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้สมาคมเป็นศูนย์กลางของความร่วมมือในการช่วยเหลือ ส่งเสริม และ สนับสนุนกลุ่มสมาชิก ให้สามารถขับเคลื่อนธุรกิจได้อย่างราบรื่น ช่วยให้ความรู้ความเข้าใจในกลุ่มสมาชิกตลอดไปจนถึงบุคคลภายนอกที่สนใจ ช่วยประสานความร่วมมือระหว่างองค์กร หน่วยงานภาครัฐ บริษัทเอกชนต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนในเชิงเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม จนนำไปสู่ความมั่นคงของผู้ประกอบการกัญชงในประเทศไทย
‘Asia International Hemp Expo 2024’ เปิดแพลตฟอร์มขับเคลื่อนอุตสาหกรรมกัญชง 12 ประเทศ จับมือจัดตั้ง ‘สมาพันธ์กัญชงนานาชาติเอเชีย’ ผลักดันเฮมป์สู่พืชเศรษฐกิจเพื่อความยั่งยืน
‘Asia International Hemp Expo 2024’ พร้อมเปิดงานอุตสาหกรรมกัญชงที่ครบครับที่สุดของเอเชีย ด้วยความร่วมมือของ สมาคมการค้าอุตสาหกรรมกัญชงไทย (TiHTA) จับมือกับ นีโอ เดินหน้าสร้างแพลตฟอร์มเชื่อมโยงนักลงทุน นักอุตสาหกรรม ขับเคลื่อนกัญชงไทยไปพร้อมกับอุตสาหกรรมเฮมป์ทั่วโลก พร้อมประกาศจับมือ 12 ชาติ ก่อตั้ง ‘สมาพันธ์กัญชงนานาชาติเอเชีย’ ขจัดอุปสรรคทางการค้า ส่งเสริม พัฒนาและสร้างความยั่งยืนของอุตสาหกรรมกัญชงร่วมกัน
นายพรชัย ปัทมินทร นายกสมาคมการค้าอุตสาหกรรมกัญชงไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันพืชกัญชงได้รับการพัฒนาให้สามารถนำมาใช้ในหลายอุตสาหกรรมมากขึ้น ซึ่งบริบทสำคัญที่ถูกกล่าวถึงในวงกว้างคือการเป็นพืชลดการปล่อยคาร์บอนและเน้นดูดซับมากกว่าการปล่อย (Carbon Negative) โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเส้นใยจากกัญชงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและกำลังเติบโตในเชิงเศรษฐกิจ เนื่องจากเส้นใยมีคุณสมบัติพิเศษในด้านความแข็งแรง ทนทาน สามารถย่อยสลายตามธรรมชาติได้จึงถูกนำมาใช้ในภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น อาทิ ผ้า เสื้อผ้า วัสดุก่อสร้าง รวมถึงการนำมาใช้ทดแทนพลาสติกและไนลอน ส่งผลให้การขยายตัวของอุตสาหกรรมเส้นใยกัญชงในอนาคตช่วยลดปริมาณขยะที่ไม่ย่อยสลาย ลดการตัดไม้ทำลายป่า เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ทั้งนี้พืชกัญชง ถือเป็นพืชทางเลือกที่ต้องเร่งศึกษาและวิจัยนวัตกรรมมากขึ้น เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเส้นใยที่มีมูลค่ามหาศาล ช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอน ตอบโจทย์ความต้องการของโลกในยุคปัจจุบันและอนาคต
นอกจากนี้ การพัฒนาการใช้วัตถุดิบกัญชงในอุตสาหกรรมด้านสุขภาพ มีแนวโน้มการเติบโตตามเทรนด์ Health & Wellness โดยในปี 2567 มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 38,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะขยายตัวสูงถึง 48,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2570 หรือเติบโตเพิ่มขึ้น 8.5% จากปัจจัยสนับสนุนด้านการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical tourism) ความนิยมผลิตภัณฑ์จากสารสกัดธรรมชาติที่มีมากขึ้น อีกทั้งในทางการแพทย์ผลิตภัณฑ์จากกัญชงสามารถลดอัตราการป่วยและเสียชีวิตจากโรค NCDs (non-communicable diseases) หรือกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่สร้างขึ้นเองจากพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม อาทิ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน เป็นต้น
12 ชาติผนึกกำลัง จัดตั้ง ‘สมาพันธ์กัญชงนานาชาติเอเชีย’
สมาคมการค้าอุตสาหกรรมกัญชงไทย ร่วมมือกับพันธมิตรนานาชาติรวมทั้งหมด 12 ประเทศ ได้แก่ ไทย ญี่ปุ่น จีน เกาหลีใต้ อินเดีย ปากีสถาน มองโกเลีย สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย ยูเครน สิงคโปร์ และกลุ่มประเทศ EU จัดตั้ง ‘สมาพันธ์กัญชงนานาชาติเอเชีย’ (Asia International Hemp Federation – AIHF) ขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อส่งเสริมการค้าและพัฒนาห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ลดอุปสรรคด้านกฎระเบียบ และอุปสรรคทางการค้าในแต่ละประเทศ รวมถึงการจัดตั้งแพลตฟอร์มการค้าผ่านช่องทางออฟไลน์และออนไลน์เพื่อเชื่อมโยงผู้ซื้อ ผู้ขาย นำไปสู่การเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานระหว่างเกษตรกร ภาคอุตสาหกรรมและผู้จัดจำหน่าย
ทั้งนี้ สมาพันธ์ฯได้วาง 4 พันธกิจในการดำเนินงาน ได้แก่ 1. ส่งเสริมความร่วมมือและการพัฒนาอุตสาหกรรม ด้วยการสร้างเครือข่ายที่ครอบคลุมระหว่างเกษตรกร ผู้แปรรูป นักวิจัย และผู้กำหนดนโยบาย โดยมีการตั้งมาตรฐานที่เหมาะสมสำหรับการผลิตและคุณภาพของเฮมป์ในเอเชีย และร่วมส่งเสริมการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมในอุตสาหกรรมกัญชง 2. สร้างความเข้าใจและการยอมรับ ผ่านองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เพื่อลดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเฮมป์ และร่วมกันจัดแคมเปญการตระหนักรู้เพื่อเน้นประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และเศรษฐกิจ 3. ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายและนโยบาย โดยสมาพันธ์จะทำหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนเฮมป์ในการหารือเรื่องนโยบาย ด้วยการส่งเสริมความสัมพันธ์กับหน่วยงานรัฐบาลเพื่อพัฒนานโยบายที่เป็นมิตรต่ออุตสาหกรรม รวมถึงการทำงานร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลในการกำหนดมาตรฐานการทดสอบ และความปลอดภัย รวมถึงขีดจำกัดของสารสกัด THC และ 4.ส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน ด้วยการสนับสนุนการเกษตรที่ยั่งยืนเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและการใช้เฮมป์ในทุกด้านเพื่อลดปริมาณขยะ
‘กัญชง’ พืชเศรษฐกิจเพื่อสิ่งแวดล้อมตอบโจทย์ความยั่งยืน
ขณะที่มูลค่าตลาดรวมของอุตสาหกรรมกัญชงทั่วโลก และนับรวมกับกัญชงเพื่อสิ่งแวดล้อม คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องในอีก 5-10 ปีข้างหน้า โดยมีมูลค่าประมาณ 20,000 – 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2030 หรืออัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 15-20% โดยเฉพาะอุตสาหกรรมวัสดุจากกัญชง (รวมพลาสติกชีวภาพและวัสดุก่อสร้าง) มีมูลค่าประมาณ 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วง 5 ปีข้างหน้า สะท้อนถึงความต้องการวัสดุเพื่อความยั่งยืนและผู้บริโภคหันมาเลือกสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น อีกทั้งได้ปัจจัยบวกจากการสนับสนุนของรัฐบาลหลายประเทศในการออกนโยบายสนับสนุนการปลูกและการใช้กัญชงเพื่ออุตสาหกรรมมากขึ้น สร้างแรงผลักดันที่สำคัญในการเติบโตของอุตสาหกรรมกัญชงเพื่อสิ่งแวดล้อมที่มีศักยภาพในการขยายตัวสูง นำไปสู่การสร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืนในอนาคต
ปัจจุบันอุตสาหกรรมกัญชงเพื่อสิ่งแวดล้อมนานาประเทศกำลังขยายตัว และถูกนำมาใช้ประโยชน์เพื่อลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมในหลายด้าน อาทิ การใช้วัสดุทดแทนพลาสติก ด้วยการนำไปผลิตเป็นพลาสติกชีวภาพที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติในการผลิตบรรจุภัณฑ์และชิ้นส่วนยานยนต์, อุตสาหกรรมแฟชั่น โดยใช้เส้นใยกัญชงในการผลิตผ้าและเสื้อผ้า ซึ่งได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในตลาดที่มุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม, วัสดุก่อสร้าง นำมาผลิตเป็นคอนกรีตกัญชง สนับสนุนวัสดุก่อสร้างที่ลดการปล่อยคาร์บอนและสร้างความยั่งยืน, เกษตรกรรมเพื่อความยั่งยืน โดยพืชกัญชงมีส่วนช่วยในการฟื้นฟูดินและลดการใช้สารเคมีในภาคเกษตรกรรม ช่วยส่งเสริมการเกษตรที่ยั่งยืน
นายสุรพล อุทินทุ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. เอ็กซิบิชั่น ออกาไนเซอร์ จำกัด (นีโอ) เปิดเผยว่า การจัดงาน Asia International Hemp Expo 2024 งานประจำปีของอุตสาหกรรมกัญชงที่ครบครันที่สุดในงานเดียว โดยในปีนี้ได้วางแนวทางในการเป็นแพลตฟอร์มเชื่อมโยงนักลงทุน ผู้ประกอบการ และทุกส่วนที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมกัญชง สร้างโอกาสแก่กัญชงไทยและอุตสาหกรรมกัญชง ผ่านการจัดแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมของกัญชงทั้ง 14 อุตสาหกรรม ตั้งแต่ต้นน้ำในกระบวนการปลูก จนถึงปลายน้ำที่นำเสนอเป็นผลิตภัณฑ์ สินค้า และนวัตกรรม โดยมีผู้จัดแสดงงานภาคเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้าร่วมงานกว่า 150 บริษัท ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกว่า 40 หน่วยงาน นอกจากนี้ได้เปิดเวทีสัมมนาประจำปีที่มีนักอุตสาหกรรมกัญชงจาก 40 ประเทศเข้าร่วมงาน เพื่อนำเสนอเทรนด์และแนวโน้มของอุตสาหกรรมกัญชงในปัจจุบันและอนาคต และสร้างพื้นที่เพื่อเจรจาในการมองหาโอกาสทางธุรกิจ
ขณะเดียวกันได้นำเสนอแนวคิดการจัดงาน ‘Hemp Inspires’ ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์กัญชงจากความร่วมมือของสมาคม Design and Object จัดแสดงผลงานเฟอร์นิเจอร์และสินค้าไลฟ์สไตล์ สำหรับกลุ่มนักออกแบบ กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรม กลุ่มธุรกิจคาร์บอนต่ำ และแฟชั่นโชว์ในช่วงพิธีเปิดงานด้วยคอลเลกชันเสื้อผ้าเส้นใยกัญชงของ Earthology Studio
“สำหรับงาน Asia International Hemp Expo 2024 ผมคาดว่าปีนี้ผู้เข้าชมงานจะอยู่ประมาณ 10,000 คน เม็ดเงินสะพัดจากการจัดงานราว 1,000 ล้านบาท สะท้อนว่าอุตสาหกรรมกัญชงยังคงได้รับความนิยมทั้งจากนักลงทุน ผู้ประกอบการ นักอุตสาหกรรมกัญชงทั้งจากในไทยและต่างประเทศ เชื่อว่างานจะเป็นเวทีและพื้นที่ในการสร้างโอกาสเพื่อก้าวต่อไปของอุตสาหกรรมกัญชง สำหรับงานนี้จะมีการควบคุมผู้เข้าชมงาน โดยต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี โดยผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมงานได้ตั้งแต่วันที่ 27-30 พฤศจิกายน 2567 ณ Hall 3 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์” คุณสุรพล กล่าวทิ้งท้าย
สมาคมการค้าอุตสาหกรรมกัญชงไทย (TIHTA) ได้เชิญทีมบริหารของ NCC และ NEO NCC ,SCG และภาคเอกชน Touchable, Earthology Studio, Global Hemp Service (France) ที่เป็นผู้ประกอบการด้านการออกแบบเส้นใย ทั้งในและต่างประเทศ ร่วมศึกษาดูงาน ณ ศูนย์รวมผลิตภัณฑ์ กลุ่มทอผ้า บ้านหนองเงือก จ.ลำพูน และ บ้านแม่สาน้อย กลุ่มวิสาหกิจชุมชน ดาวม่าง งานผ้าใยกัญชง (กลุ่มชาติพันธุ์ม้ง) และร่วมประชุมหารือกับทาง สวพส.และมูลนิธิโครงการหลวง
โดยสรุปประเด็นจากการประชุมหารือ ดังนี้
– การเชื่อมโยง supply chain ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ โดยทางสมาคมฯนำร่องการสร้าง Role Model เพื่อให้ต้นน้ำจากทางโครงการหลวง เชื่อมต่อกับภาคเอกชนในการพัฒนา และผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้ระดับมาตรฐาน เพิ่มปริมาณในระดับอุตสาหกรรม และกำกับราคาเพื่อสามารถแข่งขันกับตลาดต่างประเทศได้
– การนำส่วนต่างๆของกัญชงมาต่อยอด หาทางออกในการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ครบทุกด้าน เช่นรากและกิ่งก้านส่วนต่างๆของกัญชงนำไปทำด้าน Creative Furniture, เส้นใยนำมาทำด้าน textile ที่ผสมผสานกับเส้นใย Poly Recycle, แกนกัญชงนำไปให้ทาง scg พัฒนาทำผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง
– พูดคุยถึง pain point ต่างๆของการปลูกกัญชงที่ทางโครงการหลวงประสบปัญหาทั้งในส่วนการปลูกและผลิต ซึ่งปัจจุบันใช้แรงงานคนจำนวนมาก และใช้ระยะเวลานานในการดำเนินการ โดยทางโครงการหลวงจะได้มีการนำเข้าเครื่องจักรจากจีนเข้ามาแก้ปัญหาในส่วนต่างๆนี้ และทาง NCC เสนอให้ทางโครงการหลวงร่วมแชร์ pain point ต่างๆในด้านปัญหาเครื่องจักร เพื่อนำไปปรึกษาต่อกับทางสมาคมเครื่องจักรกลในการร่วมช่วย developt เครื่องจักรที่จะแก้ปัญหา pain point ต่างๆนี้ โดยทางดร.ญาจากทางสวพส.จะเป็นผู้เตรียมข้อมูลต่างๆให้กับทาง NCC
– ในส่วนของความร่วมมือที่เกิดขึ้นในการเชื่อมโยงครั้งนี้ ทางสมาคมฯจะได้นำดำเนินการในการทำ MOU ร่วมกับทุกภาคส่วนในช่วงวันแถลงข่าวครั้งแรกของการจัดงาน Asia International Hemp Expo&Forum 2024 และนำ Model นี้นำเสนอภายในงานทั้งส่วนของ Forum และ Showcase ต่อไป
– จะได้มีการนำเอา Collection กัญชงที่จะพัฒนาโดย Earthology ร่วมกับทางโครงการหลวง ไปจัดแสดงที่งานที่ต่างประเทศ และนำกลับมาแสดงภายในงาน Asia International Hemp Expo&Forum 2024 และอาจจัดเป็น Fashion Show ในช่วงพิธีเปิด
ทั้งนี้ TIHTA ร่วมเครือข่ายรัฐเอกชน ชุมชน ขับเคลื่อน และพัฒนาเส้นใยกัญชง เพื่อตอบโจทย์ทั้งในแง่ของ คุณภาพ มาตรฐาน ราคาเพื่อนำไปสู่ภาคอุตสาหกรรมอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน
งานประชุมเชิงปฏิบัติการ “การใช้สารสกัดกัญชาทางการแพทย์ในผู้ป่วยโรคลมชักในเด็ก”
วันที่ 14 – 15 มีนาคม 2567 ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ
รับชมได้ทาง Facebook Live https://www.facebook.com/gpoth.official
วิสาหกิจชุมชนศูนย์กลางการพัฒนาสมุนไพรเพลาเพลินเพื่อชุมชน จ.บุรีรัมย์ (วิสาหกิจเพลาเพลินฯ) ร่วมกับภาคอุตสาหกรรม จัดงานสัมมนา Seed-To-Sale: ปฐมบท “กัญชง” สู่อุตสาหกรรมไทย เพื่อสร้างองค์ความรู้ให้กับผู้ที่สนใจ เกี่ยวกับการขับเคลื่อนกัญชาในทางการแพทย์ และกัญชงในเชิงอุตสาหกรรมอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
ความถี่ในการจัดกิจกรรม อย่างน้อย 4 ครั้ง / ปี
ความถี่ในการจัดกิจกรรมตามความเหมาะสม
งานแถลงข่าวเปิดตัวสินค้า สมาคมร่วมจัดงาน
เป็นผู้นำในการเชื่อมต่อเครื่อข่ายทั้งในและต่างประเทศ
งาน “...