TIHTA จับมือ NEO จัดงาน Hemp Expo 2024 เป็นครั้งที่ 3 วันที่ 27-30 พ.ย.นี้ สร้างความร่วมมือดันสินค้า “กัญชงไทย” สู่ต่างแดน หลังต่างชาติสนใจ ตลาดเติบโตขึ้น คาดสร้างมูลค่าไม่ต่ำกว่า 3-4 พันล้านบาท พร้อมตั้งเป้าบุกตลาด CBD “ญี่ปุ่น” หวังเจาะส่วนแบ่งการตลาดที่มีถึงหมื่นล้านบาท หนุนสร้างผลิตภัณฑ์แตกต่าง ยกตัวอย่าง “ยาดมกัญชง” ไม่มีในแดนปลาดิบ ล่าสุดลงนามร่วมคลัสเตอร์เครื่องสำอาง-สมาคมร้านขายยา
เมื่อวันที่ 29 ต.ค. ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สมาคมอุตสาหกรรมกัญชงไทย (TIHTA) ร่วมกับ บริษัท เอ็น. ซี. ซี. เอ็ซิบิชั่น ออกาไนเซอร์ จำกัด (NEO) จัดงานแถลงข่าว “เดินหน้าต่ออุตสาหกรรมกัญชง กับทิศทางกาารขับเคลื่อนสู่เวทีโลก” และการจัดงาน Asia International Hemp Expo & Forum 2024 (AIHE)
นอกจากนี้ ยังมีการลงนามความร่วมมือการเชื่อมโยงเครือข่ายการใช้ประโยชน์จากพืชกัญชงในภาคอุตสาหกรรมและการแพทย์ ระหว่าง สมาคมการค้าคลัสเตอร์เครื่องสำอางไทย สมาคมร้านขายยาแห่งประเทศไทย และสมาคมการค้าอุตสาหกรรมกัญชงไทย โดยมีลักษณ์สุภา ประภาวัต นายกสมาคมการค้าคลัสเตอร์เครื่องสำอางไทย ภก.ชยินท์ จตุรพรประสิทธิ์ นายกสมาคมร้านขายยาแห่งประเทศไทย นายพรชัย ปัทมินทร นายกสมาคมการค้าอุตสาหกรรมกัญชงไทย และนายสุรพล อุทินทุ กรรมการผู้จัดการ NEO เป็นผู้ลงนาม
นายพรชัย กล่าวว่า นวัตกรรมกัญชงนอกจากการใช้เส้นใยที่มีความทนทาน แข็งแรง เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแล้ว สาร CBD ยังมีการพัฒนาในทางอุสาหกรรมต่างๆ ทั้งด้านการแพทย์ สุขภาพ อาหาร เครื่องดื่ม ยา เครื่องสำอาง เวชสำอาง ไปจนถึงการดูแลรักษาสัตว์ ปัจจุบันมีสมาชิกอุตสาหกรรมกัญชงเกือบ 200 รายที่เคลื่อนไหวอยู่ มีผลิตภัณฑ์จากกัญชงที่ผ่านการอนุญาตจาก อย.มากกว่า 3 พันรายการ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาอุตสาหกรรมมีความสับสนจากประเด็นเรื่องของ “สันทนาการ” แต่ขอยืนยันว่าสิ่งที่พวกเราทำและรัฐบาลประกาศชัด คือ การใช้ในเรื่องของสุขภาพ การแพทย์ และอุตสาหกรรม ซึ่งกฎหมายกำลังร่างกันอยู่ และมีการขีดกรอบชัดเจน
ทั้งนี้ เรามีแผนที่จะขยายตลาดของกัญชงไปสู่เพื่อนบ้าน ซึ่งประเทศที่เปิดชัดเจนคือ “ญี่ปุ่น” ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นได้ประกาศนโยบายหลักแก้ไขกฎหมายควบคุมการใช้แคนนาบิสหรือการปลดล็อก “แคนนาบิสเพื่อการแพทย์” โดยผ่านความเห็นชอบจาก ครม.ญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2566 สาระสําคัญระบุ เกี่ยวกับการอนุญาตให้ใช้แคนนาบิสในทางการแพทย์ และอนุญาตให้ปลูกแคนนาบิสเพื่อเป็นวัตถุดิบทางเวชภัณฑ์ ถือเป็นประเทศต้นแบบในการควบคุมและนํามาใช้ที่เหมาะสม และเกิดการเติบโตสูงขึ้นในกลุ่มธุรกิจด้านการแพทย์ในช่วงประมาณ 1 ปีที่ผ่านมาหลังจากปลดล็อคกฎหมาย
“ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่น่าสนใจในการไปตีตลาด มีประชากร 90 กว่าล้านคน เป็นสังคมผู้สูงวัยแบบสุดยอด คือ มีผู้สูงอายุมากกว่า 60 ปีเกิน 30% และมีสินค้าขาย CBD จำนวนมากโดยเฉพาะ Healthcare มีมูลค่าทางเศรษฐกิจถึง 9,939 ล้านบาทในปี 2024 คาดการณ์จะเติบโตถึง 22,750 ล้านบาทในปี 2027 ประเทศไทยก็สามารถสร้างนวัตกรรมแข่งได้ เพราะเขาก็เปิดให้นำเข้าได้ สมาคมฯ ก็ไปลงนามความร่วมมือเป็นพาร์ทเนอร์ชิปเกือบทุกสมาคม ล่าสุดสมาคมการค้าอุตสาหกรรมกัญชงไทยได้ร่วมการประชุมกัญชงนานาชาติโตเกียวครั้งที่ 1 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น สร้างความร่วมมือกัน 8 ประเทศ คือ ไทย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน อินเดีย ปากีสถาน สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย” นายพรชัยกล่าว
เมื่อถามว่าญี่ปุ่นมีสินค้าเกี่ยวกับ CBD จำนวนมากอยู่แล้ว การจะส่งสินค้าไทยไปตีตลาดจะยากหรือไม่ นายพรชัยกล่าวว่า ทุกอันยากหมด แต่ก็ต้องไปแข่งกันบรคุณภถาพและความหลากหลาย เป็นสินค้าอื่นที่เขาไม่มี อย่างยาดมที่คนสมัยนีพกกันเยอะมาก ก็ผลิตมาจากสารสกัดกัญชากัญชงได้ทำให้เกิดความผ่อนคลาย ซึ่งญี่ปุ่นไม่มีและไม่รู้จักด้วย เราก็ต้องหาความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ไปตีตลาด หากทำสินค้าทั่วไปอย่างซอฟต์เจลใครก็ทำได้ แต่หากใส่อย่างอื่นเข้าไปแล้วมีฤทธิ์ที่ดีกว่าเขาก็น่าจะสนใจ ซึ่งคนไทยเก่งเรื่องสมุนไพร
นายพรชัยกล่าวอีกว่า สำหรับการจัดงาน Asia International Hemp Expo & Forum 2024 (AIHE) ถือเป็นปีที่ 3 ซึ่ง 2 ปีที่ผ่านมาพบว่า งานและอุตสาหกรรมกัญชงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้ร่วมงานก็เข้าร่วมมากขึ้น ต่างประเทศก็สนใจมากขึ้น เกิดความร่วมมือทางธุรกิจมากขึ้น ซึ่งต่างชาติเขาสนใจนวัตกรรมของประเทศไทยเกี่ยวกับ Healthcare สัตว์เลี้ยง และอุตสาหกรรมอย่างมาก คาดว่าปีนี้ผู้เข้าร่วมเป็นหลักหมื่นคนแน่นอน และน่ายินดีที่จะเห็นนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์สินค้าออกจากประเทศไทยไปสู่ตลาดโลกได้ มูลค่าอย่างต่ำต้องมี 3-4 พันล้านบาท
ส่วนการลงนามความร่วมมือกับสมาคมการค้าคลัสเตอร์เครื่องสำอางไทย และสมาคมร้านขายยาแห่งประเทศไทย เนื่องจากเครื่องสำอางเป็นผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจมาก มีผู้ทำผลิตภัณฑ์สินค้าออกไปขายหลายราย มีทั้งครีมกันแดด ผลิตภัณฑ์ป้องกันผมร่วงที่ได้รับ อย. ส่วนร้านยา เพราะว่ารัฐบาลมีนโยบายออกมาชัดเจนเรื่องการแพทย์และสุขภาพ ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้ตอบโจทย์ Pain point หลายเรื่อง ซึ่งคนอยากใช้ของธรรมชาติมากขึ้น มีความปลอดภัย ได้มาตรฐาน อย่างผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเรื่องความวิตกกังวล นอนหลับพักผ่อน เรื่องสุสขภาพ โรคสะเก็ดเงิน การอักเสบในร่างกายหลายโรค เราเห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องจึงนำมาสู่การลงนาม
ด้าน นายสุรพล กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา นีโอได้ร่วมงานกับสมาคมการค้าอุตสาหกรรมกัญชงไทย เรายินดีที่จะมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมกัญชงเพื่อเดินหน้าต่อ จากการเล็งเห็นศักยภาพของพืชกัญชงที่สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน โดยนีโอพร้อมเป็นแพลตฟอร์มในการเชื่อมโยงนักลงทุน ผู้ประกอบการ และทุกส่วนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม ใช้พื้นที่การจัดงาน Asia International Hemp Expo 2024 ระหว่างวันที่ 27-30 พ.ย. 2567 เป็นเวทีแห่งการสร้างโอกาสประเทศไทยในมุมมองด้านแหล่งผลิตวัตถุดิบที่มีคุณภาพทั้ง ผลิตภัณฑ์สารสกัดและเส้นใย บริการรับช่วงการผลิตเพื่อการส่งออก ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ CBD และ THC ทั้งอาหารและ ยา ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและเครื่องสําอาง รวมถึงบริการด้านการแพทย์ สุขภาพและ Wellness
สําหรับการจัดงาน Asia International Hemp Expo 2024 ได้ออกแบบงานให้เกิดการเชื่อมโยงและต่อยอดโอกาส ครบทั้ง Ecosystem ของอุตสาหกรรม ผ่าน 3 ประเต็นหลัก ได้แก่
1. การแสดงเทคโนโลยี (Exhibition) นําเสนอเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ตั้งแต่การปลูก ต้นอ่อนหลากสายพันธุ์ ปุ๋ยไฟเพื่อการเพาะปลูก ระบบควบคุมโรงเรือน รวมถึงเครื่องจักรที่เกี่ยวข้อง อาทิ การเก็บเกี่ยว การแปรรป การสกัด การทดสอบ บรรจุภัณฑ์ จนถึงผลิตภัณฑ์ส่าเร็จรูปที่ผ่านมาตรฐาน นอกจากนี้ ได้นํากลุ่มวัตดุดิบเส้นโยและสารสกัดนํามาจัดแสดงภายในงานด้วย นับเป็นงานที่รวบรวมเทคโนโลยี วัสดุ อุปกรณ์ สําหรับวงการกัญชงที่ครบครันที่สุ โดยมีผู้จัดแสดงงานเข้าร่วมกว่า 150 บริษัท สมาคมการค้าและหน่วยงานภาครัฐที่เี่วข้องราว 40 หน่วยงาน ประมาณ 50 ประเทศ
2.เวทีพบปะ เจรจา และสัมมนา (Networking and Forum) สร้างพื้นที่การรวมตัวของผู้ซื้อจากทั่วภูมิภาค โดยข้อมูลล่าสุดได้รับการยืนยันเข้าร่วมของนักอุตสาหกรรมกัญชงจาก 40 ประเทศทั่วโลกในประเภทธุรกิจที่หลากหลาย อาทิ การจัดหาวัตถุดิบ (Sourcing) การรับจ้างผลิตเพื่อการส่งออก (OEM) ธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อม ธุรกิจเพื่อสุขภาพ รวมถึงนักลงทุนที่มองหาโอกาสทางธุรกิจในประเทศไทย นอกจากนี้ได้ประกาศจัดตั้งสมาพันธ์กัญชงนานาชาติแห่งเอเชีย โดยมีชาติสมาชิกกว่า 10 ประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มคณะผู้แทนการธุรกิจ (Business Delegation) จากญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา เดินทางเข้าร่วมงาน และมีการจัด Japanese Investor Day ในวันที่ 28 พ.ย. 2567
3.การสร้างฐานเพื่อต่อยอดโอกาสของอุตสาหกรรมในอนาคต จากแนวคิดการจัดงาน “Hemp Inspires” การสร้างแรงบันดาลใจจากผลิตภัณฑ์กัญชง จึงได้ร่วมกับสมาคม Design and Object จัดแสดงผลงานการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในชีวิตประจ๋าวันเพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ อาทิ เฟอร์นิเจอร์ สินค้าไลฟ์สไตล์ ลําหรับกลุ่มนักออกแบบภายใน กลุ่มโรงแรม และกิจการที่ให้ความสําคัญกับธุรกิจคาร์บอนต่ำ นอกจากนี้ ได้เปิดพื้นที่พิเศษให้แก่เกษตรกรผู้ผลิตวัตถุดิบต้นน้ำ เพื่อพบกับผู้ซื้อภาคอุตสาหกรรม ทั้งในประทศและต่างประเทศ ทำให้เกษตรกรได้เข้าใจถึงความต้องการของผู้ซื้อในมาตรฐาน คุณภาพวัตฤุดิบ ปริมาณความต้องการ ที่สําคัญคือการจับคู่ความต้องการให้ทุกส่วนของกัญชงสามารถหาช่องทางการตลาดได้โดยไม่มีส่วนเหลือทิ้ง ทําให้เกิดการเสนอราคาขายที่แข่งขันได้อย่างยั่งยืน
ทั้งนี้การจัดการ Asia International Hemp Expo 2024 ยังคงมาตรการควบคุมผู้เข้าชมงาน โดยต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี โดยบัตรเข้าชมงานแบบจ๋ากัดจํานวนวัน ราคา 500 บาท และบัตรเข้าชมงานวันเดียวราคา 300 บาท สําหรับผู้ที่ลงทะเบียนล่วงหน้าก่อนวันที่ 26 พ.ย. ได้รับการยกเว้น สามารถเข้าชมงานได้ฟรี ส่วนการสัมมนานานาชาติ และ Workshop เชิงลีกกับวิทยากร ในระหว่างวันที่ 27-28 พ.ย. 2567 บัตรราคา 8,000 บาท สามารถลงทะเบียนได้ที่เว็บไซต์ www.aihexpo.con. หรือ www.asiahempexpo.com สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมทาง Line@ AsiaHempExpo